คู่มือชีวิตและการทำงาน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจับมือ SME Bank ปัดฝุ่นสินเชื่อพิเศษ 1.3 หมื่นล้าน

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจับมือ SME Bank ปัดฝุ่นสินเชื่อพิเศษ 1.3 หมื่นล้าน ให้เครือข่ายภาคีสมาชิก

โค้งสุดท้าย หลังซอฟโลนภาครัฐรอบแรกไม่เพียงพอ เร่ง SMEs ส่งเอกสารด่วนภายใน 25 ธ.ค.นี้

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เดินหน้าแสดงบทบาทการเป็นตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยที่แท้จริงจับมือพันธมิตรเอสเอ็มอีแบงก์ ปัดฝุ่น สินเชื่อดอกเบี้ย 4% (Policy Loan) ที่คงเหลือวงเงินพิเศษอีก 1.3 หมื่นล้านบาท รองรับความต้องการของผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย ที่ต้องการขอสินเชื่อ 1-5 ล้านบาท ซึ่งพลาดการได้รับซอฟโลนภาคแรกจากรัฐบาล 1 แสนล้านบาท เพื่อมีโอกาสเข้าถึงการขอสินเชื่ออีกครั้ง ย้ำชัดโอกาสพิเศษดังกล่าวเฉพาะ SME ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเอกสาร www.federationthaisme.org และยื่นเอกสารด่วน ภายใน 25 ธันวาคมนี้เท่านั้น

ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยเปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงกาคลังได้เปิดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วยการให้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าตลาด (Soft Loan) อัตราไม่เกินร้อยละ 4 ต่อปี วงเงินสินเชื่อรวม 1 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้วงเงินสินเชื่อดังกล่าวได้หมดลงในระยะเวลาอันสั้น ในขณะที่มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดกลางและเล็ก ที่ประสบปัญหาทางธุรกิจและต้องการเงินสนับสนุนอย่างแท้จริงอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาสินเชื่อซึ่งสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ในฐานะที่มีเครือข่ายสมาชิกผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและเล็กเป็นจำนวนมาก ที่พลาดโอกาสจากการขอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษดังกล่าว จึงได้ประสานงานกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) พบว่ายังมีวงเงินสินเชื่อพิเศษเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูภาคธุรกิจอัตราดอกเบี้ย 4% (Policy Loan) ที่สามารถรองรับการสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อได้อีกประมาณ 13,000 ล้านบาท ดังนี้ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดกลางและเล็กของสมาพันธ์ฯ ที่สนใจสินเชื่อดังกล่าว สามารถติดตามข้อมูลและดาวโหลดเอกสารใบสมัครขอสินเชื่อพิเศษได้ที่  www.federationthaisme.org และส่งเอกสารภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2558 นี้เท่านั้น

ดร.ณพพงศ์ กล่าวเสริมว่า ภายหลังจากที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ได้รับข้อมูลว่า ผู้ประกอบการที่เป็นเครือข่ายภาคีสมาชิกทั่วประเทศว่า SMEs รายเล็กๆ จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงเงินในโครงการเงินกู้ซอฟโลน 4% มูลค่า 1 แสนล้านบาทของรัฐบาล เนื่องจากมีการปล่อยไปหมดวงเงินแล้ว รวมถึงมีข้อจำกัดต่างๆ ที่ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อดังกล่าวได้ สมาพันธ์ฯ เองก็มีความพยายามที่จะประสานงานกับภาครัฐ และประสานงานกับสถาบันการเงินภาครัฐ ถึงความจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่กำลังเดือดร้อนอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงได้ประสานกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) พบว่ายังมีวงเงินอีกประมาณ 13,000 ล้านบาท (Policy Loan) เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก รายละไม่เกิน 1-5 ล้านบาทได้ จึงได้ประสานงานเพื่อขอโอกาสให้กับสมาชิกในภาคีเครือข่ายของสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ได้รับโอกาสการยื่นขอสินเชื่ออีกครั้งนั่นเอง

สำหรับหลักเกณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อฟื้นฟูธุรกิจด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4% ที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นโครงการสินเชื่อบรรเทาภาวะวิกฤต ดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) ซึ่งปัจจุบันยังคงเหลือวงเงินประมาณ 13,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) ไว้กับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยในฐานะหน่วยงานพันธมิตร เพื่อช่วยกำหนดคุณสมบัติการช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจ สำหรับหลักเกณฑ์การกู้ผู้กู้จะต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่สถาบันการเงินกำหนดส่วนวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท ทาง บสย. ค้ำประกัน ส่วนวงเงินมากกว่า 1 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท ต้องผ่านการคัดกรองจากหน่วยงานพันธมิตรที่ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับธนาคาร โดยมี บสย.ค้ำประกัน และวงเงินสินเชื่อที่มากกว่า 5 ล้านบาท ให้ใช้หลักประกันตามเกณฑ์ปกติของธนาคาร ระยะเวลาการกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นไม่เกิน 6 เดือน

“การจัดหาสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ผ่านช่องทางของสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยครั้งนี้ เป็นสิทธิพิเศษที่จะมอบให้เฉพาะกับองค์กรหรือธุรกิจที่เป็นเครือข่ายสมาชิกของสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันสมาพันธ์ฯ ยังคงเปิดรับสมาชิกผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการเข้าเป็นสมาชิกแต่อย่างใด สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจหรือองค์กรธุรกิจเอสเอ็มอีรายใดสนใจ ต้องการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือต้องการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายภาคีสมาชิกกับสมาพันธ์เพิ่มเติม ก็สามารถดูข้อมูลการและดาวโหลดใบสมัครสมาชิกได้ที่เว็บไซต์ www.federationthaisme.org ทั้งนี้การดำเนินงานดังกล่าวนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจในการรวมตัวคนตัวเล็กในวงการเอสเอ็มอีไทย เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุน ผลักดันให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กทั่วประเทศ มีโอกาสเข้าถึงสิทธิพิเศษ และสิทธิประโยชน์ที่พึงจะได้รับที่เท่าเทียมกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ รวมถึงเป็นการรวมพลังกันเพื่อยกระดับและพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพอย่างยั่งยืนในลำดับต่อไป” ดร.ณพพงศ์ กล่าว

ปัจจุบันสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย มีสมาชิกเครือข่ายองค์กรต่างๆ กว่า 100 องค์กรและมีผู้ประกอบการธุรกิจ SMEsจากทั่วประเทศ ทยอยเข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเตรียมแผนที่จะคัดนักธุรกิจคนรุ่นใหม่เข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะผู้ประกอบการใหม่ และเร่งสร้างเครือข่ายนักธุรกิจมืออาชีพหลากหลายสาขาที่รวมตัวกันเป็นคลัสเตอร์ธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายสร้าง 10,000 Start Up และมุ่งผลักดันเศรษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านแนวคิด “รวมพลังคนตัวเล็ก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” โดยมีสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ให้เป็นองค์กรเพื่อการเชื่อมโยงนโยบายภาครัฐสู่ SMEs ทั่วประเทศ ในลำดับต่อไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ได้ที่ Official Line: @federationthaisme หรือ โทร. 02-530-9204-5