คู่มือชีวิตและการทำงาน

หุ่นยนต์จะมาทำงานแทนมนุษย์จริงหรือไม่? ลองฟังคำตอบจากเสียงของนายจ้าง 19,000 คน

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการทำงานเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรม AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่สามารถคิดและทำงานได้ไม่ต่างจากสมองของมนุษย์  รวมถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ให้เข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในงานยากๆ และเสี่ยงอันตราย  จนเกิดคำถามที่ทำเอามนุษย์ทำงานกินเงินเดือน เกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ ว่า หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติต่างๆ จะเข้ามาทำงานแทนพวกเขาเหล่านั้น  คำตอบของคำถามเหล่านี้  จะเป็นจริงหรือไม่นั้น คนที่จะตอบได้ดีที่สุ คงเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างานหรือเจ้าของกิจการ

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป จึงทำการวิจัยด้วยการสอบถามนายจ้าง 19,000 ราย ใน 44 ประเทศเกี่ยวกับผลกระทบของระบบอัตโนมัติที่มีต่อการเติบโตของงานในองค์กรของพวกเข้าในอีก 2 ปีข้างหน้า และตำแหน่งหน้าที่ที่นายจ้างวางแผนจะเพิ่มจำนวนพนักงานมากที่สุดและประเภทของทักษะที่พวกเขากำลังมองหา  รวมทั้งกลยุทธ์การสร้างบุคลากรที่มีความสามารถสูงที่นายจ้างจะใช้เพื่อมองหาแรงงานที่เหมาะสมกับองค์กรในอนาคต

จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า นายจ้าง 87% วางแผนที่จะเพิ่มหรือคงไว้ซึ่งจำนวนบุคลากร ซึ่งเป็นผลมาจากการนำระบบอัตโนมัติมาใช้เป็นระยะเวลา 3 ปีต่อเนื่องกัน แทนที่จะลดการจ้างงาน นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ ยังมีการลงทุนในระบบดิจิทัล โยกย้ายงานให้หุ่นยนต์เพื่อสร้างงานใหม่  ในขณะเดียวกัน เหล่าบรรดาบริษัทได้เพิ่มพูนทักษะของบุคลากรเพื่อให้แรงงานมนุษย์สามารถปฏิบัติหน้าที่ใหม่ เป็นการเสริมเพิ่มเติมจากงานที่ใช้เครื่องจักรดำเนินการ ส่งผลให้การปฏิวัติทักษะเป็นกระแสที่มาแรงในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ระบบอัตโนมัติกำลังสร้างงานและแนวโน้มจะยังคงเป็นเช่นนั้น ทางด้านนายจ้างจำนวนมากขึ้นมีการคาดการณ์ใน 3 ปีหลังจากนี้ว่าจะมีการเพิ่มหรือคงไว้ซึ่งจำนวนแรงงานที่เป็นผลจากระบบอัตโนมัติจาก 83% เป็น 87% ขณะเดียวกันสัดส่วนของบริษัทที่น่าจะลดจำนวนงานลงจาก 12% เป็น 9%

 

นอกจากนี้ องค์กรที่ใช้ระบบอัตโนมัติมากที่สุดกำลังจ้างงานมากที่สุด  ผลวิจัยระบุอีกว่า บริษัทหรือองค์กรที่เปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลกำลังเติบโต และยังทำให้เกิดงานใหม่ๆ มากขึ้นด้วยเช่นกัน องค์กรที่ใช้ระบบอัติโนมัติในการทำงานและเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะมีการเพิ่มจำนวนพนักงานถึง 24% ของบริษัทเหล่านั้น อีกทั้งยังคาดว่าจะมีตำแหน่งงานมากขึ้นใน 2 ปีข้างหน้า และมีเพียง 12% ขององค์กรที่ใช้ระบบอัตโนมัติเท่านั้นที่กล่าวว่าจะลดจำนวนพนักงานในขณะที่อีก 3% ไม่แน่ใจว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

ผลวิจัยยังระบุอีกว่ามี 41% ของบริษัทที่จะใช้ระบบอัตโนมัติในการทำงานในอีก 2 ปีข้างหน้า และ 24% จะสร้างงานใหม่ ส่วนอีก 6% เป็นบริษัทที่ไม่มีแผนจะใช้ระบบอัตโนมัติ   และจากกระแสของการพัฒนาทักษะแรงงาน โดยบริษัทกำลังจะกลายเป็นผู้สร้างบุคลากรที่มีความสามารถสูงเพื่อเสริมศักยภาพและขีดความสามารถให้กับธุรกิจ  โดยผลจากการขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถสูงมากที่สุดในรอบ 12 ปี  และทักษะใหม่ๆ ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่ทักษะเก่าค่อยๆ หายไป บริษัทจำนวนมากกำลังวางแผนที่จะพัฒนาและสร้างบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษมากกว่าที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นภายในปี 2563 โดยบริษัทมีกำลังตระหนักว่าตนไม่สามารถฝากความหวังไว้ที่การหาบุคลากรที่มีทักษะความสามารถพร้อมอยู่แล้วได้อีกต่อไป  และประมาณ 84% ขององค์กรคาดว่าจะพัฒนาทักษะความสามารถพิเศษของบุคลากรของตนได้ภายในปี 2563

“การให้ความสนใจกับเรื่องที่ว่า หุ่นยนต์จะมาแย่งงานของเรา เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของเรา จากปัญหาที่แท้จริงแน่นอนว่าการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น  แต่มนุษย์ก็เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานเช่นกัน” นายโจนัส  ไพรซิ่ง ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารแมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวเสริม

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา  งานวิจัยของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป แสดงให้เห็นว่านายจ้างส่วนใหญ่วางแผนที่จะเพิ่มหรือคงไว้ซึ่งจำนวนพนักงาน จากผลการพัฒนาระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมาก โดยความรับผิดชอบในฐานะผู้นำ ที่ต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามนุษย์จะทำงานร่วมกับเครื่องจักรได้อย่างไร มนุษย์มีบทบาทสำคัญในการสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับการเรียนรู้และการสร้างบุคคลที่มีความสามารถสูง ทักษะถือเป็นใบเบิกทางไปสู่การเติบโต โดยมีพลังขององค์กรและบุคลากรด้วยเช่นกัน

ดังนั้น จึงตระหนักและให้ความสำคัญเรื่องความสามารถในการเรียนรู้ของบุคลากร รวมถึงการส่งเสริมให้พนักงานทุกคนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง  ไม่ใช่เพียงแค่คนที่ต้องการพัฒนาทักษะของตนเท่านั้น การเรียนรู้จะทำอย่างในอดีตไม่ได้อีกแล้ว แต่ต้องช่วยให้ผู้คนเรียนรู้วิธีการทำงานร่วมกับระบบอัตโนมัติและพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับเครื่องจักร

“เราต้องการการค้นพบหรือวงจรการเรียนรู้ที่รวดเร็ว เพื่อให้เราคว้าโอกาสในกรณีทีเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลอด  รายงานฉบับนี้เสนอมุมมองที่ตามความเป็นจริงเกี่ยวกับคำถามที่ว่าระบบอัตโนมัติเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กร เช่น การจ้างคนเพิ่มขึ้น การสร้างงาน และการเพิ่มพูนทักษะที่สูงขึ้นเพื่อให้องค์กรมีแรงงานที่มีศักยภาพเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ นี่ไม่ใช่การเลือกระหว่างมนุษย์หรือเครื่องจักร ผมเชื่อว่าองค์กรและบุคคลสามารถเป็นมิตรกับเครื่องจักรและร่วมมือกันสร้างสังคมที่เข้มแข็งและดีขึ้นกว่าเดิม”

ทั้งนี้  จากผลวิจัยชี้ให้เห็นถึงบทบาทของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่องค์กรได้นำมาใช้เพื่อให้การขับเคลื่อนธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังเสริมแกร่งในด้านขีดความสามารถในการแข่งขันได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม บทบาทของบุคลากร ซึ่งเป็นแรงงานสำคัญที่จะต้องมีการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถของบุคลากร เพื่อทำงานและควบคุมการทำงานระบบอัตโนมัติ-หุ่นยนต์ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม  ถึงเวลา…ที่ทุกองค์กรจะตื่นตัวรับมือโลกดิจิตัลสู่การปฏิวัติทักษะ4.0 อันจะทำให้มนุษย์ชนะหุ่นยนต์  เพราะอย่างไรก็ตาม มนุษย์จะยังเป็นที่ต่อการขององค์กร และหุ่นยนต์ก็ต้องการมนุษย์เช่นกัน!!!