คู่มือชีวิตและการทำงาน

ไพรซ์ซ่า จัดงาน “Priceza E-Commerce Awards 2017”

ไพรซ์ซ่าเปิดงาน “Priceza E-Commerce Awards 2017” มอบ 18 รางวัลแด่สุดยอดร้านค้าอีคอมเมิร์ซ วัดจากกว่า 10,000 โหวตจากผู้ใช้ และมากกว่า 55 ล้านคลิกของนักช้อปตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน พร้อมผ่าเทรนด์อีคอมเมิร์ซ-อีโลจิสติกส์-อีเพย์เมนท์ 2561 หวังเป็นสื่อกลางติดอาวุธร้านค้า-Market Place ทุกระดับโตไปด้วยกัน คาดอีคอมเมิร์ซปีหน้าโตต่อเนื่องรับปัจจัยบวก มั่นใจผู้ใช้บริการโตพุ่ง 50% ชี้สินค้าแฟชั่นอุปกรณ์ไอทีและสื่อสารขึ้นแท่นสินค้ายอดฮิตประจำปี

นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น “Priceza” เครื่องมือค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคา (Shopping Search Engine)อันดับหนึ่งของประเทศ กล่าวว่า การจัดงาน Priceza E-Commerce Awards ในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ภายใต้ชื่อ “Priceza E-Commerce Awards 2017” ด้วยแนวคิด “The Next Episode” เพื่อมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกและการโหวตว่าเป็นสุดยอดในแวดวงอีคอมเมิร์ซด้านต่างๆ และจัดเสวนาอัพเดตเทรนด์อีคอมเมิร์ซ อีโลจิสติกส์ อีเพย์เมนท์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2561

“ขณะนี้ มีร้านค้าอีคอมเมิร์ซเกิดขึ้นจำนวนมาก รวมถึงร้านที่เป็นเอสเอ็มอีร้านเล็กๆ ที่ได้รับคะแนนรีวิวสูงจากผู้ใช้ เราในฐานะผู้นำด้าน Shopping Search Engine จึงจัดงานมอบรางวัลนี้ขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการสนับสนุนร้านและ Market Place ที่ดีและมีคุณภาพ ทุกระดับ ทุกขนาด ให้เติบโตไปด้วยกัน ขณะเดียวกัน ก็มีเวทีเสวนาอัพเดตเทรนด์เพื่อติดอาวุธให้กับผู้ประกอบการในแวดวงอีคอมเมิร์ซ ไว้ใช้วางแผนหรือปรับตัวในการดำเนินธุรกิจต่อไป” นายธนาวัฒน์ กล่าว

สำหรับรางวัลในปีนี้ แบ่งออกเป็น ประเภทหลัก ได้แก่ 1.ประเภท Marketplace & Retailer 2.ประเภท Top Category และ 3.ประเภท Most Trusted Brand & Popular Brand รวม 10 สาขา 18 รางวัล เกณฑ์การให้คะแนนมาจากทั้งการประมวลผลข้อมูลกว่า 55 ล้านคลิกของนักช้อปในปี 2560 และการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการ Priceza กว่า หมื่นโหวต ในประเด็นต่างๆ อาทิ ความน่าเชื่อถือของร้านค้า ราคาสินค้าที่เหมาะสม การบริการหลังการขาย การบริการจัดส่ง ความสนใจของลูกค้าในการคลิกไปยังร้านค้า ทำให้ผู้ได้รับรางวัลล้วนเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าและบริการตอบโจทย์นักช้อปออนไลน์

รายชื่อแบรนด์ที่ได้รับรางวัลสาขาต่างๆ ในปีนี้ ได้แก่

1.รางวัล Most Trusted Brand                                 ได้แก่      Apple

2.รางวัล Most Popular Brand                                 ได้แก่     Samsung

3.รางวัล Top Retailer                                              ได้แก่     ShopAt24 และ Central

4.รางวัล Top Marketplace                                      ได้แก่      Lazada  และ Shopee

5.รางวัล Top Car Insurance                                   ได้แก่      Frank และ ANC Broker

6.รางวัล Top E-Commerce Fashion & Beauty       ได้แก่      LookSi และ Konvy

7.รางวัล Top E-Commerce IT & Electronics          ได้แก่      SuperTstore และ Advice

8.รางวัล Top E-Commerce Home & Decor            ได้แก่      HomePro และ DoHome

9.รางวัล Top E-Commerce Grocery Retailer         ได้แก่      Tops และ TESCO LOTUS

10.รางวัล Top E-Commerce Book Seller               ได้แก่       Kinokuniya และ SE-ED

นายธนาวัฒน์ กล่าวอีกว่า การสัมมนา หัวข้อ ประกอบด้วย 1.ทิศทางอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย 2.แนวโน้มระบบอีโลจิสติกส์ในอนาคต 3.สถานการณ์ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในวงการมากมายร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ อาทิ นายศิวัตร เชาวรียวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย) นายผรินทร์ สงฆ์ประชา ผู้ก่อตั้ง และประธานบริหาร บริษัท นาสเก็ต รีเทล จำกัด นายโยจิ ฮามานิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ยามาโตะ เอ็กซ์เพรส นายสมคิด จิรานันตรัตน์ รองประธาน บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด นายศุภวิทย์ หงส์อมรสิน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ประจำประเทศไทย บริษัท แอร์เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด

“ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำอยู่ราว 38 ล้านคน มีนักช้อปออนไลน์อยู่ประมาณ 12.1 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณ 32% ของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ เราคาดการณ์ว่าในปีหน้าจำนวนนักช้อปออนไลน์ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายประการทั้งการสนับสนุนของภาครัฐผ่านนโยบายไทยแลนด์ 4.0 การให้ความสำคัญกับเรื่องอีเพย์เมนท์และฟินเทคของธนาคารและภาคธุรกิจด้านการเงิน ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ๆ ในแวดวงอีโลจิสติกส์ ทั้งหมดจะส่งเสริมให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซปี 2561 เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง” นายธนาวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่า จำนวนผู้ใช้บริการ Priceza ในปีนี้จะเติบโตสูงถึง 50% หรือกว่า 125 ล้านเซสชั่น เช่นเดียวกับในปี 2561 ที่ตั้งเป้าที่จะเติบโตขึ้นอีก 50% เป็น 188 ล้านเซสชั่นทั้งปี สอดรับกับโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมาย เทคโนโลยีที่พัฒนาจนมีบทบาทเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและอำนวยความสะดวกผู้บริโภคให้หันมาสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ปลายปีหน้าบริษัทจึงน่าจะมีฐานผู้ใช้บริการเฉลี่ยราวเดือนละ 18 ล้านคน

นายธนาวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติจำนวนครั้งของผู้ใช้บริการ Priceza ตลอดทั้งปี 2560 กว่า 125 ล้านเซสชั่น พบว่า หมวดสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Priceza ได้แก่ หมวดเสื้อผ้าและแฟชั่น โทรศัพท์และอุปกรณ์สื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า รถและยานพาหนะ ตามลำดับ

 

“ปีนี้เรายังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ถึงแม้ผู้ใช้กว่า 70% จะเข้าใช้ Priceza ผ่านสมาร์ทโฟน แต่ถ้าลงลึกไปดูยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์โดยเฉลี่ยแล้ว ยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนอยู่ที่ราวๆ 1,177 บาทต่อออเดอร์ แต่คนที่ช้อปผ่านคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊คหรือพีซีจะมียอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์โดยเฉลี่ยราวๆ 2,008 บาทต่อออเดอร์ หรือสูงกว่า 70% เลยทีเดียว นั่นแสดงให้เห็นว่า ถ้าสินค้าราคาสูงหรืออยากช้อปสินค้าหลายๆ อย่าง คนไทยก็ยังคงมั่นใจที่จะไปตัดสินใจช้อปออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คหรือพีซีนั่นเอง” นายธนาวัฒน์ กล่าว 

 

สำหรับบริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 โดยนายธนาวัฒน์ และกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวม คน เนื่องจากมองเห็นอนาคตในการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จึงใช้ความรู้ที่เรียนมาพัฒนาเครื่องมือค้นหาสินค้า การบริการเปรียบเทียบข้อมูลและราคาสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ ปัจจุบัน เปิดให้บริการทั้งรูปแบบเว็บไซต์ (www.priceza.com) และแอพพลิเคชั่นใน ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ มีสมาชิกรวมกว่า 1.2 ล้านแอคเคาท์ มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 12 ล้านคนในประเทศไทย และมีฐานข้อมูลสินค้าต่างๆ ประมาณ 28 ล้านรายการในประเทศไทย