คู่มือชีวิตและการทำงาน

ผลสำรวจ “Healthy Living Survey in Asia” พบคนไทยให้ความใส่ใจด้านสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น

ผลสำรวจ “Healthy Living Survey in Asia” พบคนไทยให้ความใส่ใจด้านสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้นหลังการเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล

  • 95% ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ในขณะที่ 57% รู้สึกว่าพวกเขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในการดูแลสุขภาพ
  • เกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลในการติดตามและตรวจวัดสุขภาพมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
  • 75% ของกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยบอกว่า พวกเขาต้องการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลในการติดตามและตรวจวัดสุขภาพมากขึ้นภายใน 3 ปีข้างหน้า

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและมุมมองด้านสุขภาพของผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพในเชิงป้องกันมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการดูแลสภาพความเป็นอยู่ที่ดีในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การพักผ่อน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือแม้แต่การดูแลสุขภาพใจให้ดีอยู่เสมอ ดังนั้น นอกจากนวัตกรรมทางการแพทย์แล้ว อุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการดูแลสุขภาพของผู้คน

 

ฟิลิปส์  ได้จัดทำผลสำรวจ  “Healthy Living Survey in Asia” ร่วมกับบริษัทวิจัยชั้นนำอย่าง Kantar Profiles Network ซึ่งทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 4,000 คน ในประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงด้านเทรนด์ เทคโนโลยี และการดูแลสุขภาพโดยรวมภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของผู้คนในเอเชีย และสิ่งที่น่าสนใจในรายงานชิ้นนี้พบว่าผู้คนในเอเชียให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น ในขณะที่อุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันมากขึ้นเช่นกัน

คนไทยดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสูงสุด

จากผลสำรวจพบว่า 95% ของกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยเข้าใจถึงความสำคัญของ “การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน” ซึ่งหมายถึงการใส่ใจกับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อสุขภาพ และการป้องกันการเจ็บป่วยในอนาคต ซึ่งรวมถึงเฮลท์ตี้ไลฟ์สไตล์ ได้แก่ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย การตรวจติดตามสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และความเป็นอยู่ที่ดี

จากผลสำรวจพบว่า 62% ของกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยมีการหาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (เทียบกับ 45% ของกลุ่มตัวอย่างในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค) นอกจากนี้ 54% ของกลุ่มตัวอย่างยังเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น และ 51% (เทียบกับ 40% ของกลุ่มตัวอย่างในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค) ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากกว่าการทำงานหนัก ซึ่งมากกว่าก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ความท้าทายที่มีผลต่อ​ “ช่องว่างด้านสุขภาพ”

แม้ว่าผลสำรวจจะชี้ชัดว่าผู้คนในเอเชียตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่ผลสำรวจยังเผยให้เห็นถึงความท้าทายที่ยังคงมีอยู่ และมีผลให้เกิด “ช่องว่างด้านสุขภาพ” ด้วยเช่นกัน โดย 45% ของกลุ่มตัวอย่างในเอเชีย (57% ของกลุ่มตัวอย่างในไทย) คิดว่าพวกเขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในการดูแลสุขภาพให้ดี

โดย 52% ของกลุ่มตัวอย่างในไทยรู้สึกว่าอุปสรรคสำคัญในการดูแลสุขภาพตนเอง คือ ไม่มีเวลา เนื่องจากต้องทำงาน ให้เวลากับครอบครัว และภาระความรับผิดชอบต่างๆ สำหรับปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยให้การดูแลสุขภาพตนเองเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น 43% เห็นว่าควรอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแพทย์ให้ดีขึ้น 42% เห็นว่าควรเพิ่มทางเลือกในการปรึกษาแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์ 42% เห็นว่าควรเพิ่มการให้ความรู้เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ และ 51% เห็นว่าควรเพิ่มการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลและตรวจสุขภาพส่วนบุคคลในการตรวจวัดและติดตามภาวะสุขภาพ

เทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล 

ผลจากการสำรวจพบว่า 30% ของกลุ่มตัวอย่างในเอเชียหันมาใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลในการตรวจวัดสุขภาพของตนเองมากกว่าก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ 43% ของกลุ่มตัวอย่างในไทยใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลเป็นประจำ โดยใช้ในการตรวจวัดสุขภาพหัวใจ (47%) ตรวจวัดคุณภาพการนอนหลับ (45%) ตรวจติดตามปัญหาสุขภาพที่เป็นอยู่ (43%) และตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน (35%)

ผลการสำรวจดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของอุปกรณ์และเทคโนโลยี เพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่เพิ่มขึ้น โดย 74% ของกลุ่มตัวอย่างกล่าวว่าการเข้าถึงอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลช่วยให้พวกเขาดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น และ 75% กล่าวว่าพวกเขาต้องการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลในการติดตามและตรวจวัดสุขภาพมากขึ้นภายใน 3 ปีข้างหน้า

นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผยว่า ​จากผลสำรวจที่ออกมา ที่ระบุผู้บริโภคชาวไทยมีความเข้าใจ และเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันมากขึ้น ดังนั้น ฟิลิปส์ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพ เราเชื่อว่านวัตกรรมการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลที่ล้ำสมัย สะดวกสบาย และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับผู้บริโภคได้